WMS คืออะไร ช่วยธุรกิจทำคลังสินค้า WMS มีประโยชน์อะไรบ้าง?

Table of Contents

ไม่ว่าจะในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ร้านค้าออนไลน์ที่ขายของใน TikTok Shop หรือ Google Shopping Ads ล้วนต้องการมีระบบจัดการคลังสินค้าที่มีระเบียบ สามารถเช็คจำนวนสินค้าในคลังได้ง่าย ดังนั้น ในบทความนี้จะมาแนะนำเครื่องมือ WMS คืออะไร ช่วยจัดการคลังสินค้าในธุรกิจของคุณยังไง รวมถึงWMS มีประโยชน์อะไรบ้าง

WMS คืออะไร ช่วยผู้ประกอบการในด้านใดได้บ้าง?

WMS ย่อมาจาก Warehouse Management System WMS คือ ระบบบริหารจัดการคลังสินค้าที่ช่วยบริหารจัดการคลังสินค้า ช่วยให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม่นยำ รวดเร็ว ประหยัดต้นทุน และเพิ่มขีดความสามารถในการติดตามสินค้า เหมาะสำหรับธุรกิจที่มีคลังสินค้า หรือธุรกิจที่ต้องการบริหารจัดการสินค้าคงคลัง

ระบบ WMS ตัวช่วยผู้ประกอบการในหลายด้าน

WMS ช่วยเรื่องด้านการจัดการคลังสินค้า

  • เพิ่มประสิทธิภาพ: ช่วยให้ทำงานในคลังสินค้าได้รวดเร็ว แม่นยำ และลดข้อผิดพลาด
  • ลดต้นทุน: ช่วยลดต้นทุนการดำเนินงาน ประหยัดเวลา แรงงาน และพื้นที่
  • เพิ่มพื้นที่จัดเก็บ: ระบบจัดเก็บสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ใช้พื้นที่จัดเก็บได้อย่างคุ้มค่า
  • เพิ่มขีดความสามารถในการติดตาม: ช่วยให้ติดตามสินค้าคงคลัง สินค้าเข้า-ออก และสถานะสินค้าได้แบบเรียลไทม์
  • ลดปัญหาสินค้าสูญหาย: ระบบตรวจสอบสินค้าเข้า-ออก ช่วยลดปัญหาสินค้าสูญหาย
  • ลดการพึ่งพาแรงงานคน: ระบบอัตโนมัติ ช่วยลดการพึ่งพาแรงงานคน

WMS ช่วยเรื่องด้านการบริการลูกค้า

  • เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า: ช่วยให้จัดส่งสินค้าได้รวดเร็วและตรงเวลา
  • เพิ่มประสิทธิภาพการจัดส่ง: ระบบช่วยวางแผนเส้นทางการจัดส่ง ช่วยให้จัดส่งสินค้าได้รวดเร็ว
  • ลดข้อผิดพลาดในการจัดส่ง: ระบบตรวจสอบสินค้าก่อนจัดส่ง ช่วยลดข้อผิดพลาด

WMS ช่วยเรื่องด้านการวิเคราะห์ข้อมูล

  • วิเคราะห์ข้อมูลสินค้าคงคลัง: ช่วยให้วิเคราะห์ข้อมูลสินค้าคงคลัง ระดับสินค้าคงคลัง สินค้าขายดี สินค้าใกล้หมดอายุ ฯลฯ
  • สนับสนุนการตัดสินใจ: ข้อมูลจากระบบช่วยสนับสนุนการตัดสินใจทางธุรกิจ เช่น การสั่งซื้อสินค้า การจัดโปรโมชั่น ฯลฯ
  • ธุรกิจค้าปลีก: ระบบ WMS ช่วยให้จัดการสินค้าคงคลังในคลังสินค้า จัดส่งสินค้าให้ลูกค้าได้รวดเร็ว และวิเคราะห์ข้อมูลสินค้าเพื่อวางแผนการสั่งซื้อสินค้า
  • ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ: ระบบ WMS ช่วยให้จัดการสินค้าคงคลัง จัดเตรียมสินค้าสำหรับการจัดส่ง และติดตามสถานะสินค้า
  • ธุรกิจผลิต: ระบบ WMS ช่วยให้จัดการวัตถุดิบ ชิ้นส่วนอะไหล่ และสินค้าสำเร็จรูป

ใครที่ควรใช้ระบบ Warehouse Management System 

ระบบ WMS หรือ Warehouse Management System  เหมาะสำหรับธุรกิจที่มีคลังสินค้า หรือธุรกิจที่ต้องการบริหารจัดการสินค้าคงคลัง โดยเฉพาะธุรกิจที่มีสินค้าจำนวนมาก มีการจัดส่งสินค้าบ่อย ต้องการความแม่นยำ รวดเร็ว และต้องการลดต้นทุน ทั้ง WMS เหมาะกับ

ธุรกิจที่มีสินค้าจำนวนมาก

ช่วยติดตามจำนวนสินค้า ค้นหาสินค้า และจัดการสินค้าคงคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ธุรกิจที่มีการจัดส่งสินค้าบ่อย

ช่วยให้สามารถจัดเตรียมสินค้าสำหรับการจัดส่งได้รวดเร็วและแม่นยำ

ธุรกิจที่มีคลังสินค้าหลายแห่ง

ช่วยบริหารจัดการคลังสินค้าทั้งหมดจากระบบเดียว

ธุรกิจที่ต้องการลดต้นทุน

WMS ช่วยให้ลดต้นทุนการจัดการคลังสินค้า ลดจำนวนสินค้าคงคลัง และลดความผิดพลาดในการจัดส่งสินค้า

ธุรกิจที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพ

WMS ช่วยให้เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการคลังสินค้า เพิ่มความเร็วในการจัดส่งสินค้า และเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า

ธุรกิจที่ใช้ระบบ WMS เช่น

  • ธุรกิจค้าปลีก: ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านขายยา ร้านขายเสื้อผ้า ร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า
  • ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ: เว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ แพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์
  • ธุรกิจโลจิสติกส์: บริษัทขนส่ง บริษัทรับจัดเก็บสินค้า
  • ธุรกิจผลิต: โรงงานผลิตสินค้า อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมยานยนต์
  • ธุรกิจอื่นๆ: โรงพยาบาล หน่วยงานราชการ

WMS Symtem  ใช้ทำอะไร?

WMS เป็นระบบโปรแกรมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของคลังสินค้า ไม่ว่าจะเป็น

การรับสินค้า 

ระบบจะจัดการตรวจสอบสินค้าที่รับเข้า ว่าตรงกับใบสั่งซื้อหรือไม่ และจัดเก็บในตำแหน่งที่ถูกต้อง

การจัดเก็บสินค้า 

ระบบจะแนะนำตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับจัดเก็บสินค้า โดยคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ เช่น ประเภทสินค้า วันหมดอายุ สินค้าขายดี ฯลฯ

การย้ายสินค้า 

ระบบจะช่วยวางแผนเส้นทางการย้ายสินค้าภายในคลังสินค้า ช่วยให้ประหยัดเวลาและแรงงาน

การนับสต๊อกสินค้า 

ระบบจะติดตามจำนวนสินค้าคงคลังแบบเรียลไทม์ ช่วยให้ทราบจำนวนสินค้าที่แน่นอน

การจำหน่ายสินค้า

ระบบจะจัดการสินค้าตามคำสั่งซื้อ และเตรียมสินค้าให้พร้อมสำหรับการจัดส่ง

รายงานจำนวนสินค้าในคลัง 

ระบบสามารถสร้างรายงานเกี่ยวกับจำนวนสินค้าคงคลัง สินค้าเข้า-ออก สินค้าใกล้หมดอายุ ฯลฯ

การตรวจสอบสถานะสินค้า

ผู้ใช้สามารถตรวจสอบสถานะของสินค้าได้แบบเรียลไทม์ ว่าสินค้าอยู่ที่ไหน กำลังจัดส่ง หรือรอรับสินค้า

WMS มีกี่ประเภท

WMS สามารถแบ่งประเภทตามลักษณะการใช้งานได้ 3 ประเภทหลัก ดังนี้

1. WMS แบบ Standalone

เป็นระบบ WMS ที่ใช้งานแบบเดี่ยวๆ ไม่เชื่อมต่อกับระบบอื่น

เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กหรือขนาดกลางที่มีการบริหารจัดการคลังสินค้าไม่ซับซ้อน

ข้อดี

  • ราคาไม่แพง
  • ติดตั้งและใช้งานง่าย
  • ไม่จำเป็นต้องมีระบบ IT ที่ซับซ้อน

ข้อเสีย

  • ไม่สามารถเชื่อมต่อกับระบบอื่นๆ เช่น ERP
  • ไม่สามารถรองรับการใช้งานที่ซับซ้อน
  • ไม่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลในเชิงลึก

2. WMS แบบ On-Premise

เป็นระบบ WMS ที่ติดตั้งบนเซิร์ฟเวอร์ภายในองค์กร

เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีความต้องการควบคุมระบบและข้อมูลทั้งหมดภายในองค์กร

ข้อดี

  • มีความปลอดภัยสูง
  • สามารถปรับแต่งระบบให้ตรงกับความต้องการของธุรกิจ
  • สามารถควบคุมข้อมูลทั้งหมดภายในองค์กร

ข้อเสีย

  • ราคาแพง
  • ต้องการระบบ IT ที่ซับซ้อน
  • ใช้เวลานานในการติดตั้งและดูแลรักษา

3. WMS แบบ Cloud-based

เป็นระบบ WMS ที่ใช้งานผ่านระบบ Cloud ไม่จำเป็นต้องติดตั้งบนเซิร์ฟเวอร์

เหมาะสำหรับธุรกิจทุกขนาดที่ต้องการความสะดวกในการใช้งานและต้องการลดต้นทุนในการติดตั้งและดูแลรักษา

ข้อดี

  • ราคาไม่แพง
  • ติดตั้งและใช้งานง่าย
  • สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ทุกที่ทุกเวลา
  • ไม่จำเป็นต้องมีระบบ IT ที่ซับซ้อน

ข้อเสีย

  • ความปลอดภัยอาจไม่สูงเท่าระบบ On-Premise
  • ไม่สามารถปรับแต่งระบบได้มากเท่าระบบ On-Premise
  • ต้องการการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต

WMS มีประโยชน์อะไรบ้าง?

1. เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการคลังสินค้า

  • เพิ่มความรวดเร็วในการทำงาน โดยระบบจะคำนวณหาตำแหน่งจัดเก็บสินค้าที่เหมาะสม ช่วยให้จัดเก็บและค้นหาสินค้าได้ง่ายขึ้น
  • เพิ่มความถูกต้อง  ช่วยลดความผิดพลาดจากการทำงาน manual เช่น การจัดเก็บสินค้าผิดตำแหน่ง การหยิบสินค้าผิด
  • ลดต้นทุน การจ้างพนักงาน ลดการสูญหายของสินค้า
  • เพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจ และยอดขาย  ช่วยให้ธุรกิจทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลดีต่อยอดขาย

2. เพิ่มการมองเห็นสถานะสินค้าแบบ Real-time

  • สามารถติดตามสินค้าได้ทุกขั้นตอน ตั้งแต่การรับสินค้าเข้าจนถึงการจัดส่งสินค้าออกจากคลัง
  • สามารถตรวจสอบสต๊อกสินค้าได้แบบเรียลไทม์
  • สามารถวิเคราะห์ข้อมูลสินค้า เช่น สินค้าค้างสต๊อก สินค้าใกล้หมดอายุ

3. เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการพื้นที่ในคลังสินค้า

  • จัดเก็บสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ช่วยให้จัดเก็บสินค้าได้เต็มพื้นที่
  • ลดพื้นที่จัดเก็บสินค้า ช่วยให้จัดเก็บสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

4. เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดส่งสินค้า

  • จัดส่งสินค้าได้รวดเร็วขึ้น 
  • ลดความผิดพลาดในการจัดส่งสินค้า

5. รองรับการขยายธุรกิจ

  • WMS สามารถรองรับการขยายธุรกิจ (WMS scalable)
  • WMS ช่วยให้ปรับเปลี่ยนการทำงานได้ง่าย (WMS flexible)

6. เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน

  • WMS ช่วยให้ธุรกิจทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • WMS ช่วยให้ธุรกิจสามารถแข่งขันกับธุรกิจอื่นได้

WMS ช่วยแก้ปัญหาหาสินค้าได้อย่างไร

ระบบ WMS ช่วยแก้ปัญหาการหาสินค้าในคลังสินค้าได้ ทั้งจองพื้นที่เก็บสินค้า โดยระบบจะคำนวณพื้นที่จัดเก็บสินค้าที่เหมาะสม และจองพื้นที่ล่วงหน้า ช่วยให้พนักงานรู้ว่าสินค้าแต่ละชิ้นควรเก็บไว้ที่ไหน ลดปัญหาการหาสินค้าไม่เจอ WMS มีระบบค้นหาสินค้าที่รวดเร็วและแม่นยำ พนักงานสามารถค้นหาสินค้าได้หลากหลายวิธี เช่น ค้นหาตามชื่อสินค้า หมายเลขสินค้า ประเภทสินค้า ล็อตสินค้า ฯลฯ ช่วยให้ค้นหาสินค้าได้รวดเร็ว โดยไม่ต้องเสียเวลาเดินหาสินค้าในคลัง ช่วยให้จัดเก็บสินค้าได้อย่างเป็นระบบ ระบบจะแนะนำวิธีจัดเก็บสินค้าที่เหมาะสม เช่น การจัดเก็บตาม FIFO, LIFO, FEFO หรือตามอายุสินค้า ช่วยให้สินค้าคงคลังมีการหมุนเวียนอย่างมีประสิทธิภาพ และลดปัญหาสินค้าเสื่อมสภาพ รวมถึงช่วยให้ตรวจสอบสินค้าคงคลังได้อย่างแม่นยำ ระบบจะบันทึกข้อมูลสินค้าเข้า-ออกคลังสินค้า ทำให้สามารถตรวจสอบจำนวนสินค้าคงคลังได้แบบเรียลไทม์ ช่วยให้ทราบสต็อกสินค้าคงคลังได้อย่างแม่นยำ และลดปัญหาสินค้าสูญหาย และ WMS  generates รายงานผลเกี่ยวกับสินค้าคงคลัง ช่วยให้วิเคราะห์ข้อมูลสินค้า และวางแผนการจัดการสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

จะเห็นว่า WMS ช่วยให้ธุรกิจมีการจัดการคลังสินค้าที่ดีขึ้น M-Creation มีบริการรับทำระบบจัดการคลังสินค้าอัจฉริยะที่จะช่วยเพิ่มความเร็วและความแม่นยำในการจัดการสินค้า ลดต้นทุน เพิ่มผลกำไร ด้วยระบบอัตโนมัติ ตลอดจนมีบริการหลังการขาย และบริการรับทำเว็บไซต์ SME ดูแลโดยทีมผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้บริการ Support ตลอดเวลา

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม คลิก !

คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับ WMS คืออะไร

WMS มีกิจกรรมอะไรบ้าง

WMS เป็นระบบโปรแกรมที่ช่วยในการทำงานของคลังสินค้า ไม่ว่าจะเป็น
การรับสินค้า จัดการตรวจสอบสินค้าที่รับเข้า ว่าตรงกับใบสั่งซื้อหรือไม่ และจัดเก็บในตำแหน่งที่ถูกต้อง
การจัดเก็บสินค้า แนะนำตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับจัดเก็บสินค้า โดยคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ เช่น ประเภทสินค้า วันหมดอายุ สินค้าขายดี ฯลฯ
การย้ายสินค้า ช่วยวางแผนเส้นทางการย้ายสินค้าภายในคลังสินค้า ช่วยให้ประหยัดเวลาและแรงงาน
การนับสต๊อกสินค้า ติดตามจำนวนสินค้าคงคลังแบบเรียลไทม์ ช่วยให้ทราบจำนวนสินค้าที่แน่นอน
การจำหน่ายสินค้า ระบบจะจัดการสินค้าตามคำสั่งซื้อ และเตรียมสินค้าให้พร้อมสำหรับการจัดส่ง
รายงานจำนวนสินค้าในคลัง ระบบสร้างรายงานเกี่ยวกับจำนวนสินค้าคงคลัง สินค้าเข้า-ออก สินค้าใกล้หมดอายุ 
การตรวจสอบสถานะสินค้า สามารถตรวจสอบสถานะของสินค้าได้แบบเรียลไทม์ ว่าสินค้าอยู่ที่ไหน กำลังจัดส่ง หรือรอรับสินค้า

WMS มีกี่ประเภท

WMS สามารถแบ่งประเภทตามลักษณะการใช้งานได้ 3 ประเภทหลัก ดังนี้
1. WMS แบบ Standalone เป็นระบบ WMS ที่ใช้งานแบบเดี่ยวๆ ไม่เชื่อมต่อกับระบบอื่น เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กหรือขนาดกลางที่มีการบริหารจัดการคลังสินค้าไม่ซับซ้อน
2. WMS แบบ On-Premise เป็นระบบ WMS ที่ติดตั้งบนเซิร์ฟเวอร์ภายในองค์กรเหมาะสำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีความต้องการควบคุมระบบและข้อมูลทั้งหมดภายในองค์กร
3. WMS แบบ Cloud-based เป็นระบบ WMS ที่ใช้งานผ่านระบบ Cloud ไม่จำเป็นต้องติดตั้งบนเซิร์ฟเวอร์ เหมาะสำหรับธุรกิจทุกขนาดที่ต้องการความสะดวกในการใช้งานและต้องการลดต้นทุนในการติดตั้งและดูแลรักษา

WMS ช่วยแก้ไขปัญหาในด้านใดบ้าง

WMS ช่วยแก้ไข ด้านการจัดการคลังสินค้า ช่วยให้ทำงานในคลังสินค้าได้รวดเร็ว แม่นยำ และลดข้อผิดพลาด ลดต้นทุนการดำเนินงาน เพิ่มพื้นที่จัดเก็บอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ติดตามสินค้าคงคลัง สินค้าเข้า-ออก และสถานะสินค้าได้แบบเรียลไทม์ ลดปัญหาสินค้าสูญหาย 
ด้านการบริการลูกค้า ช่วยให้จัดส่งสินค้าได้รวดเร็วและตรงเวลา
ด้านการวิเคราะห์ข้อมูล ช่วยให้วิเคราะห์ข้อมูลสินค้าคงคลัง ระดับสินค้าคงคลัง สินค้าขายดี สินค้าใกล้หมดอายุ สนับสนุนการตัดสินใจทางธุรกิจ เช่น การสั่งซื้อสินค้า การจัดโปรโมชั่น ช่วยให้จัดการสินค้าคงคลังในคลังสินค้า จัดส่งสินค้าให้ลูกค้าได้รวดเร็ว และวิเคราะห์ข้อมูลสินค้าเพื่อวางแผนการสั่งซื้อสินค้า

ระบบ ERP กับ WMS ต่างกันอย่างไร

ระบบ ERP เป็นระบบบริหารจัดการทรัพยากรขององค์กรโดยรวม ครอบคลุมหลายแผนก เช่น การเงิน การขาย การผลิต บัญชี ทรัพยากรบุคคล เน้นการติดตามข้อมูลและจัดการกระบวนการทำงานแบบองค์รวม มุ่งไปที่การเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของธุรกิจโดยรวม ส่วนระบบ WMS เป็นระบบจัดการคลังสินค้าโดยเฉพาะ มุ่งเน้นไปที่การควบคุมสินค้าคงคลัง การจัดเก็บ การหยิบสินค้า การจัดส่ง และติดตามสถานะสินค้า เน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการสินค้าในคลังสินค้า ลดต้นทุน เพิ่มความแม่นยำ และความรวดเร็ว

Share :

เรื่องการตลาดออนไลน์ ที่เราคิดว่าคุณควรต้องรู้!

ลองอ่านดู เราเชื่อว่าคุณจะได้อะไรดีๆกลับไป เพื่อพัฒนาธุรกิจของคุณอย่างแน่นอน